ถ่านไม้ไผ่ดูดสารพิษ




ประวัติความเป็นมา

ในประเทศไทย ได้มีการผลิตถ่านไม้ เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงมาเป็นเวลานานมากแล้ว ซึ่งวิธีการผลิตถ่านไม้ที่ใช้กันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่หลายคนคงเคยพบเห็น ก็คือ การที่ชาวบ้านตัดต้นไม้ทั้งที่อยู่ในที่ของตนเองและในป่าไม้ธรรมชาติมาเผา โดยการนำท่อนไม้มาวางเรียงแล้วจุดไฟ จากนั้นจึงใช้ดินหรือแกลบกลบ ปล่อยให้ลุกไหม้แล้วนำถ่านออกมาดับด้วยน้ำ และมักจะย้ายที่ผลิตไปเรื่อย ๆ ตามแต่ว่าที่ไหนจะมีไม้ให้เผา เมื่อไม้หมดก็จะย้ายไปผลิตที่อื่นต่อ การผลิตถ่านไม้จึงถูกมองว่าเป็นการตัดไม้ทำลายป่าและสร้างมลพิษ เมื่อการผลิตถ่านไม้ถูกมองว่าเป็นการตัดไม้ทำลายป่า อีกทั้งกฎระเบียบต่าง ๆที่เกี่ยวกับป่าไม้ก็ไม่เอื้ออำนวยให้เกิดแรงจูงใจในการพัฒนาวิธีการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ดังนั้นการศึกษาทำความเข้าใจ การวิจัยพัฒนาคุณภาพและผลผลิตของถ่านไม้ รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากผลพลอยได้ จึงมีน้อยมาก

การผลิตถ่านไม้ไผ่เพื่อสุขภาพในประเทศไทย อาจกล่าวได้ว่าเป็นแบบก้าวกระโดด คือ แตกต่างจากการเผาถ่านที่คนไทยทั่วไปรู้จักเป็นอย่างมาก เนื่องจากการผลิตถ่านไม้ไผ่เพื่อสุขภาพนั้นเป็นการนำเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้สามารถเผาถ่านไม้ไผ่ในอุณหภูมิที่สูงกว่า 1,000 เซลเซียสได้

ผู้ ผลิตถ่านไม้ไผ่เพื่อสุขภาพ ( คนแรกของประเทศไทย ) คือ คุณกิตติ เลิศล้ำ ได้รับการถ่ายทอดทั้งเทคนิคในการทำเตาเผาและกรรมวิธีในการทำทั้งหมดจาก เพื่อนชาวญี่ปุ่น ชื่อ Mr. Daisaku Nakago ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ ความชำนาญเรื่องการทำถ่านไม้เป็นอย่างดี เนื่องจากครอบครัวของ Mr. Daisaku Nakago ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นประกอบอาชีพผลิตถ่านไม้ มาหลายชั่วอายุคน เมื่อทั้งสองได้เล็งเห็นว่าบ้านเกิดของคุณกิตติที่จังหวัดปราจีนบุรีนั้นมี การปลูกไม้ไผ่กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งสามารถนำมาทำเป็นวัตถุดิบในการผลิตถ่านไม้ไผ่เพื่อสุขภาพได้ คุณกิตติจึงตัดสินใจลงมือทำทันที เมื่อปี พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อทำเป็นสินค้าส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น นอกจากคุณกิตติจะได้ฝึกฝนการเผาถ่านตามกรรมวิธีที่เพื่อนชาวญี่ปุ่นได้แนะนำ จนเกิดความชำนาญและปรับปรุงพัฒนาเทคนิคกรรมวิธีการเผาจนสามารถทำถ่านไม้ไผ่ ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานของประเทศญี่ปุ่นได้แล้ว คุณกิตติยังได้ศึกษา ค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องถ่านไม้ไผ่ จนทราบว่าถ่านไม้ไผ่มีคุณสมบัติอย่างไร นำไปใช้ประโยชน์ด้านใดได้บ้าง และผลพลอยได้จากการทำถ่านไม้ไผ่ ที่เรียกว่า น้ำส้มควันไม้ไผ่ ( BAMBOO VINEGAR) นั้นมีคุณสมบัติและคุณประโยชน์อย่างไร จากตำราของเพื่อนชาวญี่ปุ่นและจากการค้นคว้าด้วยตัวเองทาง Interner บ้าง สื่ออื่น ๆ บ้าง ดังนั้นเมื่อคุณกิตติต้องประสบกับปัญหาด้านการส่งออก เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นได้มีการกำหนดโควต้าการนำเข้าถ่านไม้ไว้ในจำนวนที่ จำกัด อีกทั้งข้อกำหนดทางกฎหมายในเรื่องถ่านไม้ในประเทศไทยก็ยังไม่เอื้ออำนวย คุณกิตติจึงมีความคิดที่จะทำตลาดในประเทศไทยแทน เพราะเห็นว่าถ่านไม้ไผ่ที่ทำได้นั้นมีคุณสมบัติและคุณประโยชน์ที่ดีต่อ สุขภาพของผู้ใช้แตกต่างจากถ่านไม้ทั่ว ๆไปที่มีอยู่ในตลาด และสินค้าเพื่อสุขภาพที่ทำจากถ่านไม้ไผ่ในประเทศไทยก็ยังไม่มีในขณะนั้น ในช่วงนั้นเองทางรัฐบาลก็ได้มีโครงการคัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ( OTOP CHAMPION ) และได้เปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดย่อม ( SME) เข้าร่วมโครงการได้

คุณชาญอนันต์ ชัยชาญ พัฒนาการอำเภอนาดี ( เมื่อปี 2546 ) ได้เข้ามาให้คำแนะนำและส่งเสริมให้คุณกิตติได้ส่งสินค้าเข้าร่วมคัดสรรในปี พ.ศ. 2546 ซึ่งต่อมาถ่านไม้ไผ่เพื่อสุขภาพได้ผ่านการคัดสรรให้เป็นสินค้า OTOP ในระดับ 4 ดาว ของภาคกลาง และได้ไปจำหน่ายที่ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2546 ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากที่คุณกิตติได้เริ่มทำถ่านไม้ไผ่มาเป็นเวลากว่า 4 ปี ซึ่งในครั้งนั้นถึงแม้ว่าจะมียอดจำหน่ายไม่สูงนัก แต่ก็ถือว่าได้ผลตอบรับที่น่าพอใจ เพราะมีผู้ให้ความสนใจเกี่ยวกับคุณสมบัติและคุณประโยชน์ของถ่านไม้ไผ่ทั้งจากประชาชนทั่วไปและสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ติดต่อสอบถามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้มีคนรู้จักถ่านไม้ไผ่มากขึ้น นอกจากนั้นทางคณะผู้บริหารของสถาบันเพื่อพัฒนาการเกษตรและชนบทจำเนียร สาระนาค ( สจส. ) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การสบับสนุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร ( ธ.ก.ส. ) เพื่อดำเนินการให้บริการทางการศึกษาดูงานและฝึกอบรมด้านการพัฒนาการเกษตรและชนบท แก่หน่วยงาน องค์กร และบุคคลทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ ได้ให้ความสนใจและให้เกรียติมาเยี่ยมชมสถานที่ผลิตและช่วยอุดหนุนสินค้าผลิตภัณฑ์ถ่านไม้ไผ่เพื่อสุขภาพ ถึงจังหวัดปราจีนบุรีเลยทีเดียว นอกจากนั้นคุณกิตติยังรับเกรียติให้เป็นวิทยากรรับเชิญ เพื่อให้คำแนะนำแก่เกษตรกรที่สนใจในเรื่องของการเผาถ่านด้วยถังน้ำมัน 200 ลิตร ร่วมกับทีมงานวิทยากรของ สจส. ตามที่ต่าง ๆอีกด้วย เช่น งานกาชาดจังหวัดเชียงใหม่, งานเพื่อฟ้าดินที่ราชธานีอโสก จังหวัดอุบลราชธานี เป็นต้น

นอกจากนั้นคุณกิตติยังได้รับการส่งเสริมและคำแนะนำต่างๆ จากหน่วยงานทางภาครัฐ ของจังหวัดปราจีนบุรี ทั้งพัฒนาชุมขนจังหวัด, อุตสาหกรรมจังหวัด, พาณิชย์จังหวัด, พัฒนาชุมชนอำเภอนาดี ฯลฯ ทำให้คุณกิตติได้ไปเข้าร่วมการ อบรม และสัมมนาในโครงการต่าง ๆ ของหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ จนสามารถนำความรู้ที่ได้มาปรับปรุงและพัฒนารูปแบบของสินค้าให้สวยงามและเป็นที่ต้องการของตลาดยิ่งขึ้น ทำให้การไปจำหน่ายสินค้าที่ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี ในงาน เมืองแห่งภูมิปัญญาไทย (OTOP CITY) วันที่ 21 - 28 ธันวาคม 2546 มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างน่าพอใจ และมียอดสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งทุกวันนี้

เอกลักษณ์และจุดเด่นของผลิตภัณฑ์

ผลิตภัณฑ์ถ่านไม้ไผ่เพื่อสุขภาพ เป็นสินค้าที่ผลิตโดยใช้วัตถุดิบที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในท้องถิ่น ดังจะเห็นได้จากคำขวัญของจังหวัดปราจีนบุรีที่ว่า " ศรีมหาโพธิ์คู่บ้าน ไผ่ตงหวานคู่เมือง ผลไม้ลือเลื่อง เขตเมืองทวารวดี " อีกทั้งยังได้นำภูมิปัญญาของท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อท้องถิ่นอีกด้วย นอกจากนั้น คุณสมบัติและคุณประโยชน์ต่าง ๆ ของผลิตภัณฑ์ถ่านไม้ไผ่เพื่อสุขภาพที่ทางผู้ผลิตได้โฆษณาประชาสัมพันธ์ออกไปนั้น ก็สามารถตรวจสอบและพิสูจน์ได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แต่วิธีง่าย ๆ ที่ใช้ดูลักษณะถ่านประเภทนี้ก็คือ เมื่อเคาะถ่านจะมีเสียงดังกังวานคล้ายเสียงเคาะกระเบื้องดินเผา เมื่อหักดูจะเห็นสีดำมันวาว และเมื่อใช้นิ้วถูที่บริเวณรอยหักของถ่านจะไม่มีสีดำติดที่นิ้วเลย ส่วนที่ผิวถ่านอาจจะมีสีดำติดบ้างเล็กน้อย เนื่องจากคุณสมบัติของเปลือกไม้ เมื่อนำไปให้เป็นเชื้อเพลิงจะจุดติดไฟได้ยาก แต่เมื่อติดแล้วจะให้ความร้อนที่สูงมาก มอดดับช้า ถ่านไม่แตกปะทุ และควันน้อยมาก

คุณสมบัติดังกล่าวข้างต้นเกิดจากการเผาถ่านด้วยอุณหภูมิที่สูงกว่า 1,000 องศาเซลเซียส meให้ถ่านไม้ไผ่

มีรูพรุนเป็นจำนวนมาก
มีคาร์บอนเสถียร ( FIXED CARBON ) สูงมากกว่า 85 %
มีสารระเหยง่ายต่ำ
มีแร่ธาตุมาก
และค่าความต้านทาน ( Resistance ) ไม่เกิน 100 โอห์ม
ดังนั้นถ่านไม้ไผ่ที่ผลิตได้จึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ได้แก่ ใช้ในอุตสาหกรรม เช่น ใช้ในระบบกรองน้ำ บำบัดน้ำเสียของโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตยา ก้นกรองบุหรี่ ใช้ผลิตชิ้นส่วนของแบตเตอรี่ และถ่านไฟฉาย ฯลฯ, ใช้ในครัวเรือน เช่น ใช้ประกอบอาหารปิ้ง ย่าง ใช้ดูดกลิ่นและความชื้นในบ้าน ในห้องปรับอากาศ ในรถยนต์ ใส่ในถังข้าวสารเพื่อดูดความชื้นจากข้าว ใช้ดูดความชื้นใต้ถุนบ้าน ฯลฯ, ใช้ในการเกษตร เช่น ใช้เป็นสารปรับปรุงดิน ใช้ช่วยในการทำปุ๋ยหมัก ใช้รักษาผลผลิตทางการเกษตรไว้ให้สดนานขึ้น ฯลฯ, ใช้ในการปศุสัตว์ เช่น ใช้รองพื้นคอกปศุสัตว์ ใช้ผสมในอาหารสัตว์ เป็นต้น

นอกจากนั้นกระบวนการผลิตถ่านไม้ไผ่เพื่อสุขภาพ ยังทำให้เกิดผลพลอยได้จากการผลิตถ่าน นั่นก็คือ น้ำส้มควันไม้ไผ ( BAMBOO VINEGAR) ซึ่งเกิดจากการควบแน่นของควันในขณะเผาถ่าน มีลักษณะเป็นของเหลวสีน้ำตาลใส มีกลิ่นควันไม้ หากผ่านการกลั่นจะมีสีเหลืองใส ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำเกษตรอินทรีย์

ด้วยเอกลักษณ์และจุดเด่นดังกล่าวข้างต้นทำให้ผลิตภัณฑ์ถ่านไม้ไผ่เพื่อสุขภาพ ได้ผ่านการคัดสรรเป็นสินค้า OTOP ในระดับ 4 ดาว ของภาคกลาง ในปี 2546 และระดับ 4 ดาว ของประเทศ ในปี 2547 ( เป็นรายแรกและรายเดียวของประเทศไทย ) และกลายเป็นสินค้าของฝากที่ขึ้นชื่อ และนำชื่อเสียงมาสู่อำเภอนาดี และจังหวัดปราจีนบุรี ผลิตภัณฑ์กับความสัมพันธ์กับชีวิตและชุมชน ผลิตภัณฑ์ถ่านไม้ไผ่เพื่อสุขภาพมีความสัมพันธ์กับชีวิตและชุมชน ดังต่อไปนี้...

ด้านอาชีพ :

ทำให้เกิดวิสาหกิจชุมชน กระจายรายได้ให้คนในท้องถิ่น ทั้งกลุ่มผู้ปลูกไม้ไผ่ และกลุ่มตัดเย็บ
สมาชิกกลุ่มมีรายได้เพิ่มขึ้น
สมาชิกกลุ่มมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
สมาชิกในชุมชนมีงานทำ
ยกระดับอาชีพคนเผาถ่านให้เป็นที่ยอมรับในสังคม ด้านการศึกษา
เป็นที่ศึกษา ดูงานด้านการผลิตถ่านไม้ที่มีคุณภาพ
เป็นวิทยากรให้คำแนะนำเรื่องการเผาถ่าน - ส่งเสริม เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเรื่องถ่าน
พัฒนาความคิด ช่วยกันสร้างสรรค์พัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้านชุมชน
ปลูกฝังเรื่องการอนุรักษ์ป่าไม้ไม่ให้ตัดต้นไม้ใหญ่เพื่อนำมาเผาถ่านเช่นในอดีต
เกิดจิตสำนึกในการปลูกไม้ไผ่ในชุมชน การสร้างป่าถาวร
เกิดการสร้างภูมิปัญญา
เกิดปราชญ์ชาวบ้าน ที่รู้จริงทำจริง เวทีวิเคราะห์การพัฒนาผลิตภัณฑ์
การพัฒนาผลิตภัณฑ์

1. คุณภาพสินค้า / ตัวสินค้า - สามารถเพิ่มอุณหภูมิในการเผาให้สูงขึ้น ทำให้ถ่านไม้ไผ่มีคุณภาพดียิ่งขึ้น - ปรับปรุงรูปแบบสินค้าให้มีสีสันสวยงาม น่าใช้ยิ่งขึ้น - ปรับปรุงรูปทรงของสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น

2. บรรจุภัณฑ์ - ปรับปรุงให้มีความประณีต สวยงามมากขึ้น

3. การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ - มีเครื่องมือในการตรวจสอบคุณภาพของถ่านไม้ไผ่ที่ใช้ทำสินค้า - ส่งสินค้าให้สถาบันที่มีความน่าเชื่อถือช่วยตรวจสอบ วิเคระห์คุณสมบัติให้ได้มาตรฐานอยู่อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนั้นกลุ่มฯ ยังมีเครื่องมือตรวจสอบคุณภาพถ่าน ไว้ใช้สำหรับตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์และรักษามาตรฐานการผลิตให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ